พิธีไหว้ครู เป็นพิธีกรรมที่สำคัญอย่างหนึ่ง
และนับเป็นประเพณีของไทยที่นิยมปฏิบัติมาแต่สมัยโบราณ
แสดงถึงความระลึกถึงบุญคุณของครูบาอาจารย์ ที่ประสิทธ์ประสาทวิชาเรามา
ทั้งจรรยามารยาทและศิลปวิทยา
คำกล่าวไหว้ครู
( ปาเจรา จริยา โหนติ คุณุตตรา นุสาสกา )
ข้าขอประณตน้อมสักการ บูรพคณาจารย์
ผู้กอปรระโยชน์ศึกษา ทั้งท่านผู้ประสาทวิชา
อบรมจริยา แก่ข้าในกาลปัจจุบัน
ข้าขอเคารพอภิวันท์ ระลึกคุณอนันต์ ด้วยใจนิยมบูชา
ขอเดชกตเวทิตา อีกวิริยะพา
ปัญญาให้เกิดแตกฉาน ศึกษาสำเร็จทุกประการ
อายุยืนนาน อยู่ในศีลธรรมอันดี
ให้ได้เป็นเกียรติเป็นศรี ประโยชน์ทวี
ให้ได้เป็นเกียรติเป็นศรี ประโยชน์ทวี
แก่ข้าและประเทศไทย เทอญ
(ปัญญา วุฑฒิ กเร เต เต ทินโนวาเท นมามิหํ)
คำปฏิญาณตน
· เราคนไทย ใจกตัญญู รู้คุณชาติ
ศาสนา พระมหากษัตริย์
· เรานักเรียนจักต้องประพฤติตนให้อยู่ในระเบียบวินัยของโรงเรียน มีความซื่อสัตย์ต่อตนเองและผู้อื่น
· เรานักเรียนจักต้องปฏิบัติตน ไม่ให้เป็นที่เดือดร้อนต่อตนเองและผู้อื่น
·
วัตถุประสงค์ของการไหว้ครู
๑.
เพื่อเป็นการอุทิศส่วนกุศล ด้วยการถวายเครื่องสักการะ
พลีกรรมแก่ปรมาจารย์ทั้งหลายทั้งปวง ที่มาประสิทธิ์ประสาทความรู้ให้แก่ศิษย์
๒.
เพื่อให้ผู้เรียนได้เกิดความมั่นใจในการเรียนนาฏศิลป์เป็นอย่างดี
เมื่อได้ผ่านพิธีกรรมมาแล้ว
๓.
เพื่อเป็นการขอขมาลาโทษ
หากศิษย์ได้กระทำสิ่งที่ผิดพลาดโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ไม่ว่าจะเป็นด้านกายกรรม
วจีกรรม หรือมโนกรรมก็ตาม
๔.
เพื่อไว้สำหรับต่อท่ารำที่เป็นเพลงหน้าพาทย์ชั้นสูงที่มีความเชื่อมาแต่โบราณว่า
เพลงหน้าพาทย์บางเพลงจะต้องต่อท่ารำในพิธีไหว้ครู
จึงจะเกิดเป็นสิริมงคลทั้งแก่ผู้สอนและผู้เรียน
๕.
เพื่อเป็นสิ่งเตือนสติให้ศิษย์ระลึกถึงครู
อันเป็นเครื่องเตือนใจที่จะประพฤติแต่ในสิ่งที่ดีงาม อยู่ในศีลธรรมจรรยา
ตั้งตนอยู่ในโอวาทคำสั่งสอนของครูบาอาจารย์
· ประโยชน์ของการไหว้ครู
๑.
สามารถทำให้เกิดความสามัคคีเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
ในฐานะที่เป็นศิษย์มีครูเหมือนกัน
๒.
สามารถนำวิชาความรู้ที่เรียนมา
ไปถ่ายทอดได้ด้วยความมั่นใจ โดยไม่ต้องกลัวว่า "ผิดครู"
๓.
เป็นการสร้างศิษย์ให้มีความเชื่อมั่นในวิชาความรู้ที่ได้เรียนมา
กล้าแสดงออกไม่เก็บตัว
๔.
ทำให้มีความรู้กว้างขวางและเข้าใจในพิธีกรรมเช่นนี้อย่างชัดเจน
๕.
เกิดความสบายใจหากได้ทำสิ่งใดผิดพลาดไป
ก็จะได้เป็นการขอขมาครูไปด้วย
โดยปรกติสถานศึกษามักจัดพิธีไหว้ครูขึ้นในวันพฤหัสบดีวันใดวันหนึ่งในราวเดือนพฤษภาคมหรือเดือนมิถุนายน
· ดอกไม้ที่ใช้ในการไหว้ครู
ในพิธีไหว้ครู นับตั้งแต่สมัยก่อน จะใช้ดอกไม้หลัก 3อย่างในการทำพาน
ซึ่งดอกไม้ ความหมายในการระลึกคุณครู ได้แก่
·
หญ้าแพรก สื่อถึง ขอให้เรียนได้เร็วเหมือนหญ้าแพรก
ที่โตได้เร็วและทนต่อสภาพดินฟ้า อากาศ ทนต่อการเหยียบย่ำ ซึ่งเปรียบเสมือน
คำดุด่าของครูบาอาจารย์
ดอกเข็ม สื่อถึง
ขอให้มีสติปัญญาเฉียบแหลม เหมือนชื่อของดอกเข็ม
·
ดอกมะเขือ สื่อถึง การเปรียบเทียบว่า
มะเขือนั้น จะคว่ำดอกลงเสมอเมื่อจะออกลูก แสดงถึง
นักเรียนที่จะเรียนให้ได้ผลดีนั้นต้องรู้จักอ่อนน้อม ถ่อมตน เป็นคนสุภาพเรียบร้อย
เหมือนมะเขือที่โน้มลง
·
ข้าวตอก เนื่องจากข้าวตอกเกิดจากข้าวเปลือกที่คั่วด้วยไฟอ่อนๆ
ให้ร้อนเสมอกันจนถึงจุดหนึ่งที่เนื้อข้างในขยายออก จนดันเปลือกให้แยกออกจากกัน
ได้ข้าวสีขาวที่ขยายเม็ดออกบาน ซึ่งสามารถนำไปประกอบพิธีกรรม หรือทำขนมต่างๆได้
ดังนั้น ข้าวตอกจึงเป็นสัญลักษณ์ของความมีระเบียบวินัย หากใครสามารถทำตามกฎระเบียบ
เอาชนะความซุกซนและความเกียจคร้านของตัวเองได้
ก็จะเหมือนข้าวตอกสีขาวที่ถูกคั่วออกจากข้าวเปลือก
วิธีจัดงาน
การพิธีไหว้ครู ตามแบบที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนดไว้
จะต้องเตรียมสิ่งต่างๆ ดังต่อไปนี้
·
พานดอกไม้ มีดอกไม้ หญ้าแพรก (หมายถึง
การเจริญงอกงามของสติปัญญา)
·
ดอกมะเขือ (หมายถึง การอ่อนน้อมถ่อมตน) ดอกเข็ม
(หมายถึง เฉลียวฉลาด) จัดให้สวยงาม
พิธีการ
·
เมื่อประธานมาถึง ให้กราบทำความเคารพ
จนกว่าคุณครูทุกท่านจะผ่านไปหมดทุกคน
·
ให้ประธานจุดธูปเทียน
นมัสการพระพุทธรูปที่แท่นหมู่บูชา
·
เริ่มพิธีโดยการสวดมนต์
ตามด้วยเจิมหนังสือเพื่อความเป็นสิริมงคล
·
หลังจากนั้นกล่าวคาถาไหว้ครู
และวรรคแรกของคำไหว้ครู
·
เมื่อกล่าวคำไหว้ครูเสร็จแล้ว
ให้ว่าคาถาไหว้ครูตอนท้าย
·
ตัวแทนนักเรียนกล่าวคำปฏิญาณตน
·
ให้ตัวแทนของแต่ละห้องนำพานไปให้คุณครูแต่ละท่าน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น